หม้อแปลงไฟฟ้าที่ทำงานได้เต็ม 100% ช่วยลดค่าไฟของคุณได้ถึง 15-20%

การบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้านั้นมีความสำคัญเป็นอันดับที่ 1 ที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะหม้อแปลงที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานในรูปแบบความร้อน ทำให้การจ่ายไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นช่วยลดค่าไฟ และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกับหม้อแปลง

ส่งผลให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้แบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง

หากองค์กรของคุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้

ปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย

ไฟฟ้าดับบ่อย

ไฟฟ้าดับทั้งระบบหรือบางส่วน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

 

ปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรหรือกำลังไฟลดลง

ไฟฟ้าลัดวงจรหรือกำลังไฟลดลง

อุปกรณ์ไฟฟ้าพัง เสียหายบ่อย หรือสายการผลิตช้าลง

 

 ปัญหาหม้อแปลงเสียงดังผิดปกติ

หม้อแปลงเสียงดังผิดปกติ

หม้อแปลงอาจมีปัญหา เกิดความเสียหายภายใน

 

ปัญหาค่าไฟแพงขึ้นผิดปกติ

ค่าไฟแพงขึ้นผิดปกติ

หม้อแปลงที่ทำงานได้ไม่เต็มที่อาจเกิดการสูญเสียพลังงานได้

 

" อย่ามองข้าม! เพราะอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณทั้งในด้านความเสียหายและโอกาสสำคัญในการเติบโต "

ผลกระทบจากการละเลยการบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า

การบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้าถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ หากเกิดความเสียหายอาจส่งผลกระทบมากมาย จนอาจเกิดปัญหาลุกลามใหญ่โต เช่น

  • เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ หรือการระเบิด
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีอายุการใช้งานสั้นลง
  • สายการผลิตหยุดชะงัก ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามเป้า
  • จ่ายค่าไฟมากกว่าปกติทุกเดือน
  • หม้อแปลงไฟฟ้าพังก่อนครบอายุการใช้งาน

ทำไมต้องเลือก Big Gold Engineering สำหรับการบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า?

วิศวกรของเรามีประสบการณ์ในการทำงานตรงมากกว่า 10 ปี รู้จักประเภทและรุ่นของหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นอย่างดี

เราใช้เครื่องมือและเทคนิคที่ทันสมัยที่สุดสำหรับการทดสอบและวินิจฉัยหม้อแปลงไฟฟ้า

รายการตรวจเช็คครอบคลุมทั้งหมด 22 รายการ ตั้งแต่ตรวจสอบภายนอก เช่น การตรวจดูสภาพตัวถัง ไปจนถึงตรวจวัดเชิงลึก เช่น การทดสอบค่าความเป็นฉนวน

มีบริการหลังการขาย หากมีปัญหาทางเราพร้อมให้คำปรึกษา พร้อมเข้าตรวจเช็คเบื้องต้นฟรีตลอด 24 ชม.

ขั้นตอนการทำงาน เราตรวจอะไรให้บ้าง?

ตรวจสอบน็อต สกรูของตัวถัง รอยรั่วซึม

1. ตรวจสอบโครงสร้างภายนอก

ตรวจสอบระดับน้ำมัน (Oil Level)

ตรวจสอบรอยรั่วซึมรอบตัวถังหม้อแปลง (Leakage Check)

ตรวจสอบสภาพสนิมของตัวถังหม้อแปลง (Rust Check)

ตรวจสอบน็อต, สกรูของตัวถังและอุปกรณ์ทุกจุด (Nut Bolt)

ทำความสะอาดฝุ่น สิ่งสกปรกเกาะตามตัวถังหม้อแปลง (Tank Cleaning)

ตรวจสอบบุชโฮลด์รีเลย์

2. ตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย

ตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันแรงสูง / แรงต่ำ เช่น (Drop out fuse, Lightning arrester / LT Switch)

ตรวจสอบบุชโฮลด์รีเลย์ (Buchholz Relay)

ตรวจสอบอุปกรณ์ระบายแรงดัน (Pressure Relief Vent)

ตรวจสอบเทอร์โมมิเตอร์ (Dial Type Thermometer)

ตรวจสอบสภาพบุชชิ่งแรงสูง

3. ตรวจสอบระบบปรับแรงดัน

ตรวจสอบแท็ปปรับแรงดัน (Tap Changer)

ตรวจสอบสภาพบุชชิ่งด้านแรงสูง / แรงต่ำ (HV-LV Bushing)

ตรวจสอบประเก็นตามส่วนต่าง ๆ (All Gaskets Check)

ตรวจวัดอุณหภูมิหม้อแปลงไฟฟ้า

4. ตรวจสอบและทดสอบเชิงลึก

ตรวจวัดอุณหภูมิหม้อแปลงไฟฟ้า และขั้วต่อสายทั้งด้านแรงสูง / แรงต่ำ (Transformer / HV-LV Temp.)

ตรวจสอบกระบอก และสารกรองความชื้น (Body and Silica Gel)

ทดสอบค่าความเป็นฉนวน (Insulation Resistance Test)

ทดสอบค่าอัตราส่วนของขดลวดหม้อแปลง (Turn - Ratio Test)

ทดสอบค่ากราวด์ต่อลงดินของตัวถังหม้อแปลง (Ground Test)

เก็บตัวอย่างน้ำมันเพื่อทดสอบหาค่าความเป็นฉนวนของน้ำมัน (DBV)

ตรวจสอบสายกราวด์และขั้วต่อลงดิน

5. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและการเชื่อมต่อ

ตรวจสอบขั้วต่อสายไฟด้านแรงสูงและแรงต่ำ (HV-LV Terminal Check)

ตรวจวัดแรงดันและกระแสไฟฟ้าด้านแรงต่ำ (LV Side V-A Check)

ตรวจสอบสายกราวด์และขั้วต่อลงดินของตัวถังหม้อแปลง (Ground Connection)

ตรวจสอบอุปกรณ์เบิร์ดการ์ด, อาร์คกิ้งฮอร์น (Bird Guard / Arcing Horn)

สัญญาณอันตรายที่ควรบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าได้แล้ว

1. ซีลยางชำรุด มีน้ำมันไหลซึมออกมา

ซีลยางที่ชำรุดหรือหมดสภาพอาจทำให้น้ำมันรั่วซึม ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำมันและประสิทธิภาพการระบายความร้อนของหม้อแปลงไฟฟ้า หากไม่แก้ไขอาจทำให้เกิดความเสียหายภายในได้


2. Silica-gel (สารดูดความชื้น) เสื่อมคุณภาพ

หาก Silica-gel เปลี่ยนสีจากน้ำเงิน เป็น ชมพูหรือดำ แสดงว่าสารดูดความชื้นไม่สามารถดูดซับความชื้นได้อีกต่อไป ส่งผลให้น้ำมันหม้อแปลงมีความชื้นเพิ่มขึ้นและลดค่าความเป็นฉนวน


3. ถังหม้อแปลงขึ้นสนิม ผุ ชำรุด

สนิมที่สะสมเป็นเวลานานสามารถทำให้ถังหม้อแปลงผุหรือแตก ซึ่งอาจทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันและลดความแข็งแรงของตัวถัง จำเป็นต้องขจัดสนิมและทาสีป้องกันใหม่


4. อาร์คซิ่งฮอร์นชำรุด หรือบิดงอไม่ได้ระยะ (15.5 ซม.)

อาร์คซิ่งฮอร์นที่เสียหายหรือบิดงอไม่ได้ระยะที่กำหนด อาจทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้ามากเกิน ส่งผลต่อความปลอดภัยของหม้อแปลงและอุปกรณ์ไฟฟ้า


5. ปะเก็นกรอบ / หมดสภาพหรือชำรุด มีน้ำมันไหลซึมออกมา

ปะเก็นที่หมดสภาพหรือกรอบแข็งมักเกิดจากการใช้งานต่อเนื่องหรือความร้อนสะสม ทำให้น้ำมันรั่วซึม ส่งผลต่อระดับน้ำมันและการทำงานของหม้อแปลง


6. ลูกถ้วยแรงสูง-แรงต่ำ บิ่น/แตก ชำรุด มีรอยอาร์คหรือมีฝุ่นเกาะหนา

ลูกถ้วยที่ชำรุดหรือมีรอยอาร์คอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ควรทำความสะอาดฝุ่นและตรวจสอบความสมบูรณ์ของลูกถ้วยเพื่อป้องกันอันตราย


7. ถังอะไหล่น้ำมันหม้อแปลงมีระดับน้ำมันต่ำ ต้องเติมน้ำมันเพิ่ม

น้ำมันในถังอะไหล่ที่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด อาจส่งผลต่อการหล่อลื่นและระบายความร้อน ต้องเติมน้ำมันให้ถึงระดับมาตรฐานเพื่อป้องกันปัญหาใหญ่ในระบบ


8. ครีบระบายความร้อนสกปรกหรือรั่วซึม

ครีบระบายความร้อนที่สกปรกหรือรั่วซึมจะลดประสิทธิภาพการระบายความร้อน ทำให้หม้อแปลงร้อนเกินไป อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ภายใน


9. ขั้วต่อสายแรงสูง-แรงต่ำที่บุชชิ่งหลวม หรือเกิดออกไซด์

ขั้วต่อสายที่หลวม หรือมีคราบออกไซด์สะสม จะเพิ่มความต้านทานไฟฟ้าและอาจทำให้เกิดความร้อนหรืออาร์คจนเสียหาย ควรขันขั้วต่อให้แน่นและทำความสะอาดคราบออกไซด์


10. ค่าความเป็นฉนวนของน้ำมันต่ำกว่าที่กำหนด

น้ำมันที่ค่าความเป็นฉนวนต่ำกว่ามาตรฐาน อาจเกิดจากความชื้นหรือสิ่งสกปรก ต้องกรองหรือเปลี่ยนน้ำมันใหม่ทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายต่อขดลวดหม้อแปลง


11. มีการใช้งานมาแล้วเกิน 6 เดือน ตั้งแต่มีการบำรุงรักษาครั้งล่าสุด

หากไม่มีการบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นระยะเวลาเกิน 6 เดือน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ภายใน ควรดำเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษาตามแผนปกติ

ติดต่อเราวันนี้เพื่อขอคำแนะนำฟรี!


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้